เรื่องห้องสมุดที่อารีย์ เห็นคนเริ่มสงสัยว่าจ้อจี้รึเปล่า คือดีเทลอื่นนี่ไม่รู้ แต่ที่บอกได้แน่ๆ คือเขาเปิดห้องสมุดจริงฮะ เพราะเราโพสขายหนังสือมือสองอยู่ แล้วทุกๆ เดือนเขามาทยอยซื้อจากเราเยอะอยู่ (รวมๆแล้วเกินหมื่นบาท) ตอนเอาไปส่งก็ส่งให้ที่ห้องสมุดที่เขาบอกนั่นแหละ

นี่ชอบคิเมทสึมากนะ หลายฉากหลายประโยคจะหยิบมาอ่านกี่ครั้งมันก็ยังทำให้ขนลุก น้ำตาซึม ฮึกเฮิมได้เหมือนตอนอ่านครั้งแรก แต่มูฟวี่ภาคล่าสุดนี่ดูแบบตาลอยมาก ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องแม่งแบบเดียวกับมังงะเป๊ะ หลายฉากทำมาแทบจะเหมือนเป๊ะ แต่ทั้งโครงสร้าง จังหวะการเล่า วิธีการเล่า คนละชั้นกับเวอร์ชันมังงะแบบสู้ไม่ได้เลย

เรื่องสส.เนม นี่ว่าเหตุผลที่ช่ออธิบายมันก็ฟังได้อยู่ (ในฐานะสส. ฝ่ายค้านที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ถ้าจะพูดเชิงกล่าวหาควรมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนก่อน ไม่ใช่พูดลอยๆ) ที่น่าข้องใจมากกว่าคือนี่คือเหตุผลที่แท้จริง หรือมันคือเหตุผลที่ปั้นขึ้นมาตำหนิสส.เนม หวังลดแรงต้านจากกมวลชนชาตินิยม (ที่ไม่น้อยในนั้นก็เป็นส้ม)

สงสัยว่าตัวเองตกข่าวอะไรรึเปล่า ทำไมคนดูเลี้ยวมาเห็นด้วยกับสมเจียมที่บอกว่าอุ๊งอิ๊งพูดถูกแล้วที่ไปบอกฮุนเซนว่าทหารไทยไม่ใช่พวกเรา เพราะตั้งแต่แรกปัญหามันไม่ใช่เรื่อง content (คือใครก็รู้มั้ยว่าปัญหาประเทศไทยหลายอย่างมาจากทหาร) แต่ปัญหาคือเอาไปพูดให้ฮุนเซนฟังแบบนั้นทำไม อยากสังคายนาทหารทำไมไม่ออกมาพูดกับประชาชน ออกกฎหมายอะไรก็ว่าไปไม่ใช่เหรอ?

ไม่กล้าอ่านโควทอิ๊งชินกินตาบัค เพราะนางแบกเขาแตกหักกับพรรคแล้ว ต้องด่าแรงมากแน่ๆ กลัวชีอิ๊งโดนไล่ไปตายแบบพวกดารา

เห็นแอคแบกๆ บางแอคดูด่าเพื่อไทยจริงจังมากขึ้น ใจนึงก็โอเคนะว่ามึงด่าได้สักที แต่อีกใจนึงก็รู้สึกทำไมมึงด่าช้าจังวะ เพราะมันก็ไม่ได้เพิ่งมาเหี้ย มันชัดเจนมานานแล้วว่าพรรคเหี้ยนี่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการเลย ติดทวิตกันขนาดนั้นจะไม่รู้ได้ไง เพราะงั้นขอเดาว่าอีกสักพักก็คงกลับไปแบกกันเหมือนเดิม 😞

ทุกวันนี้กุยังงงกับมูฟจะรีเคลมคำว่านางแบกอยู่เลย ทำทำไม ทำเพื่ออะไร อยู่ๆ ก็เรียกตัวเองด้วยคำที่มีความหมายว่าติ่งพรรคการเมือง ภูมิใจที่เป็นนางแบก เอาพรรคการเมืองมาเป็นอัตลักษณ์ เป็นเข็มทิศชีวิตตัวเอง พอพรรคมันทำตัวหมาไม่แดกจนคนรังเกียจทั้งพรรคทั้งคนเชียร์ ไอ้พวกนี้ก็มาน้อยใจหาว่าโดนด้อยค่า ทั้งๆ ที่มันเอาตัวเองไปจมกองขี้เองแท้ๆ

สมเพชนางแบกช่างเอ๊ะมาก จากแอคตื่นรู้หัวก้าวหน้าสู่การใช้ชีวิตแบบต้องระเบิดแอคหนีเมื่อสถานการณ์ในประเทศมีแรงกระทำต่อกระดูกสันหลัง

จัสติสแก๊งกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ซูเปอร์แมน : ❌ ออกไปช่วยสู้ ✅ ออกไปตามหาหมา "เพราะถึงมันจะนิสัยไม่ดี แต่ตอนนี้มันคงกำลังกลัวที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวข้างนอก"

ฟังสัมภาษณ์เป๋า iLAW เล่าว่านักการเมืองทุกพรรคสนใจคนที่ติดคุกเพราะคดีการเมืองกันน้อยมาก แทบจะเบือนหน้าหนี มีแค่ทนายแจมคนเดียวที่คอยถามไถ่เป็นระยะ คนสัมภาษณ์ถามขยี้ต่อ ว่าที่เขาถามนี่ถามในนามส่วนตัวหรือถามในนามพรรค ถ้าในนามพรรคเลยมีถามบ้างมั้ย คำตอบคึือ..ไม่มี 😥 อยากให้คนสัมภาษณ์โน้ตเรื่องนี้ไว้นะ วันไหนได้สัมภาษณ์คนพรรคส้มอยากให้ถามดันเรื่องนี้หน่อย

เห็นคำว่าเทคนิคเจรจาจากอุ๊งอิ๊งเยอะๆ แล้ว ตอนนี้กูขออย่างเดียวว่าชีอย่าออกมาแนะนำหนังสือ never split the difference นะ เดี๋ยวคนคิดว่าหนังสือห่วย

นี่โตมาแบบคนรอบตัวมีทั้งคนที่อ่านเถื่อนเพราะอยากดูอะไรสนุกๆ บ้าง แต่ได้ตังค์แต่ละวันมาแค่พอกินข้าว กับพวกที่มีตังค์พอจะจ่ายให้กับสิ่งเหล่านี้ แต่มองว่าในเมื่อมีของฟรี จะโง่เสียตังค์ทำไม (สู้เก็บตังค์ไว้จ่ายกับอะไรที่เราหยิบมาฟรีๆ ไม่ได้เช่นรองเท้าคู่ละครึ่งหมื่นดีกว่า) ส่วนตัวเลยไม่ได้ต่อต้านการอ่านเถื่อนขนาดนั้น เพราะเข้าใจว่ามีคนที่เป็นแบบแรกอยู่

แอนตี้เฟมคือคนที่ต่อต้านแนวคิดของเฟมินิสต์ แต่มันรู้ว่าแย้งด้วยหลักการไม่มีทางชนะ มันเลยต้องต้องเรียกเฟมินิสต์ที่อยู่บนเนตว่าเฟมทวิต แล้วแก้เก้อว่าไม่ได้ต่อต้านเฟมินิสต์ แค่ไม่ชอบเฟมทวิต ในขณะที่นางแบกมันคือคนที่หักทุกหลักการเพื่อแบกพรรค ใครมาเห็นก็ละเหี่ยใจจนต้องแยกพวกนี้ออกมาจากคนเสื้อแดงที่ทุกวันนี้เขาก็ยังยึดมั่นในหลักการ และต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมกันอยู่

เท้งไม่ได้บอกว่าแพทองธารผิดที่ "ไม่ระวังตัวเอง" แต่เท้งบอกว่าความผิดของแพทองธารคือการ "ไม่เป็นมืออาชีพ" ถ้าแพทองธารเข้าสู่วงเจรจาแบบที่นายกรัฐมนตรีควรจะเป็น ไม่ทำตัวเป็น nepo baby บื้อๆ ที่คุ้นเคยกับการแก้ปัญหาด้วยสิทธิพิเศษจนไปพ่นอะไรโง่ๆ ออกมา (อันนี้เท้งไม่ได้พูด กูด่าเอง) ต่อให้โดนปล่อยคลิป สภาพมันก็จะไม่ออกมาย่ำแย่แบบนี้

คือกูเห็นพี่คนนึงในไทม์ไลน์กูเค้าพยายามดีเฟนด์อุ๊งอิ๊งมาตั้งแต่เมื่อวานละว่าด่าทหารผิดตรงไหน ไหนว่าอยากเห็นนักการเมืองด่าทหารกัน คือด่าทหารที่คนอยากเห็นมันคือเช็คบิลพวกทำรัฐประหาร อภิปรายงบประมาณที่ถูกใช้แบบไร้สาระ ออกกฎหมายที่จะป้องกันไม่ให้ทหารเขามาแทรกแซงการเมืองหรือทำรัฐประหารในอนาคต ฯลฯ

คิดถึงพี่ปิศาจเฟมทวิส เห็นสภาพที่แบกตอนข้ามขั้ว ป่านนี้อาจจะกำลังปั่นบทความอธิบา ว่าสาเหตุที่ทุกคนรุมสาปแพทองธาร เป็นเพราะการเมืองเป็นพื้นที่ของผู้ชาย เชิดชูความก้าวร้าว โหยหาความรุนแรง จึงไม่ยอมรับเทคนิคการเจรจาแบบละมุนละไมของผู้หญิง 😞

เห็นหลายๆ เคสใน pillow talk ก็ยิ่งรู้สึกว่าการเอาเรื่องความสัมพันธ์ (โดยเฉพาะที่ toxic) มาปรึกษาคนในเนตนี่แม่งไม่เวิร์ค เพราะนอกจากชาวเนตจะไม่ใจเย็นพอจะรับฟังคุณโดยไม่ judge แล้ว ชาวเนตก็ยังไม่อดทนพอจะไม่ด่าคุณถ้าคุณไม่รีบไปเลิกกับผัวเหี้ยๆ ของคุณด้วย

สมเพชอดีตแอคซ้ายๆ ที่ก่อนเลือกตั้งอธิบายปัญหาทุกปัญหาอย่างแหลมคมว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง แต่ตอนนี้จบแบบตื้นเขินที่คนไทยเป็นขวาโดยสันดาน ไม่กล้าแตะโครงสร้าง ไม่กล้าด่ารัฐที่ทำให้สังคมเอียงขวาอย่างเป็นระบบมาพักใหญ่ๆ แล้ว (แต่จริงๆ ก็อนาถตั้งแต่พยายามจะโบ้ยให้ตะวันเป็นต้นเหตุปลุกผีฝ่ายขวาอะไรตั้งแต่ปีที่แล้วละ)

กูอายเหลือเกินที่ตอนก่อนเลือกตั้งกูเคยพูดว่า ถ้าไม่นับตอนตอบเรื่องจับมือ ในหมู่แคนดิเดตนายก อุ๊งอิ๊งดูมีโพเทนเยี่ยวที่สุด (แม้เหตุผล 90% ที่พูดแบบนั้นเพราะกูต้องการจะด่าพิธาก็ตาม) 😭

เห็นด้วยนะว่าคนทำงานการเมืองไม่ควรด่า voter แต่ถ้าในฐานะประชาชน/voter นี่ยังก้ำกึ่งว่าเราจำเป็นต้องใจกว้างถึงขนาดห้ามวิจารณ์การเลือกของ voter คนอื่นเลยรึเปล่า คือบางคนมันคิดสะระตะเรียบร้อยแล้ว จบที่เลือกส่งฟาสซิสต์ขวาจัด อาชญากร พ่อค้ายา เข้าไปมีอำนาจกำหนดความเป็นความตายของคนในประเทศ มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดว่ามึงก็ช่างเลือกได้ส้นตีนฉิบหาย

pc มันล้าสมัยสำหรับซ้ายไทยแล้ว ปัจจุบันเราสามารถ body shame คนที่เกลียดขี้หน้าได้แบบสนุกสนานสุดๆ บอกไปใครจะเชื่อว่าไม่กี่ปีก่อน เราห้ามกันว่าอย่าไปล้อไพบูลย์เรื่องฟันเหลือง

อ่านความเห็นหลายๆ คนกรณีกระบะ VS BMW แล้ว เริ่มไม่แปลกใจว่าทำไมคนไทยเปลี่ยนเลนกันเหี้ยมาก

ประเด็น sex scene นี่คนเปิดประเด็นเปิดมาแบบตื้นๆมาก (ไม่ใช่คำด่า) คือไม่ชอบ sex scene ที่โผล่มาแบบไม่คาดคิด เพราะบางทีดูพร้อมกับครอบครัว คนมาแย้งเลยบอกว่าปัญหานี้คือเรื่องการจัดเรตหนัง ไม่ใช่การมี sex scene มันควรจบแค่นี้ แต่หลายแอคพยายามช่วยเพื่อนมาก ชักแม่น้ำทั้งห้าว่าเขาพูดถึง forced sex scene ค่ะ ล่าสุดลากไปเรื่องนักแสดงโดนบังคับเล่น sex scene อะไรไม่รู้ บ้า 55

นี่คือสัญญาณว่ามันจะเตะเพื่อไทยออกป่าววะ 555

วันนอร์นี่อาการมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เนาะ ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ สส. คนไหนลุกขึ้นประท้วงว่าประธานต้องเป็นกลางจะโดนปิดไมค์ก่อนได้พูดตลอด ยิ่งรอบล่าสุดนี่ถ้าหิ้วคนประท้วงออกนอกสภาได้คงทำไปแล้ว

นางแบกทั่วไปจะหนีไปดูซีรีส์ นางแบก Pro จะออกมาอุทานว่าเหี้ย แต่ไม่ระบุว่าใครเหี้ย พร้อมบอกเป็นนัยๆ ว่ารัฐบาลทำงานอยู่ แค่ระบบจะเสร็จเดือน 6 แต่เหตุดันมาเกิดเดือน 3 นางแบก Pro Max จะบอกว่าฝ่ายค้านเหี้ย ทำไมไม่อภิปรายเรื่องนี้ล่วงหน้า

เห็นอุ๊งอิ๊งใส่ร้ายโรมว่าเป็นสลิ่ม พอโดนแหกแล้วทำเฟียสๆ พูดแค่ว่า "ท่านจะได้รู้ว่าโดนเข้าใจผิดเป็นยังไง" แล้วรู้สึกว่าไอ้นี่มันชินวัตรเลือดแท้มาก ไอ้ความคิดแบบว่าฉันจะใส่ร้ายใครมั่วๆ แค่ไหนก็ได้เพราะเป็นในอดีตฉันเป็นเหยื่อนี่โคตรสมเป็นลูกทักษิณเลย

วิโรจน์ด่าอุ๊งอิ๊งว่าไม่รู้สี่รู้แปด จิรายุโกรธมาก บอกเป็นคำพูดหยาบคาย แว้น ตลาดล่าง วงการ LGBT เขารู้กันดีเลยว่าคำนี้ความหมายแปลว่าอะไร เฟมทวิตนางแบกได้ยินคงขวัญออกหู สส. เพื่อไทย stereotype คอมมู LGBT ว่าชอบใช้คำหยาบคายตลาดล่าง 🥹

คอมเมนต์นี้คือการตอบเรื่องช้าแช่ขวาควบเรื่อง speed limit ที่ดีที่สุดที่เคยอ่าน คือนี่ก็รำคาญพวกช้าแช่ขวา แต่หลายคนก็หมกมุ่นเกินจนไปสร้างความชอบธรรมให้อะไรบ้าๆ แบบขับจี้ตูดหรือขับเกิน speed limit

ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าผลเลือกตั้งปี 66 คือสิ่งที่ทำลายความน่าเชื่อถือของเฟมินิสต์/ฝ่ายซ้ายในเนตได้ยิ่งกว่าการโดนฝ่ายขวาใส่ร้าย หรือไปเถียงโบ้ๆ เบ้ๆ บนเนตแล้วแพ้หลายเท่านัก สันหลังที่คดงอลงอย่างไม่น่าเชื่อของหลายๆ แอคทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่า ที่เคยโกรธเกรี้ยวน้ำหูน้ำตาไหลกับความไม่เท่าเทียมรอบโลกนี่คือทำเอาฟิน อยากหาเรื่องด่าคนมันส์ๆ เฉยๆ ใช่มั้ย

วีคที่แล้วเห็นเถียงกันว่าไม่ควรนับ TERF เป็นเฟม เพราะแนวคิด TERF ขัดหลักการที่ว่าทุกเพศเท่าเทียมกัน วีคนี้อยากให้เถียงกันต่อเลยว่าคนที่ออกมาดีเฟนด์ให้ทักษิณ (รวมถึงพวกที่จงใจทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แอคทีฟมาตลอด) เรายังควรนับว่าเป็นเฟมอยู่มั้ย

นางแบกช่วลสู้ชีวิตมาก ดีเฟนด์ให้ทักษิณยาวเหยียดแบบจะให้คำพูดเหยียดเพศเหยียดผิวมันเป็นปรัชญาลึกซึ้งอะไรให้ได้ แต่คำพูดคำจาดูเป็นนักวิชาเกินแดกอิ่มแล้วฟุ้งซ่านสุดๆ สงสาร (ตัวเองที่อ่านจนจบ)

ตอนหาเสียงจะดันคนอีสานไปเวทีนางแบบ คนปกติดูออกหมดว่าทักษิณมันแก่กะโหลกกะลา ไม่ได้อะแวร์เรื่องความหลากหลายของความสวยอะไร ตัวทักษิณเองคงไม่ได้มองว่า so-called ความอีสานมันสวยด้วยซ้ำ แต่แค่คิดว่า exotic มันอาจทำเงินได้ในเวทีโลก และคนผิวดำๆ จมูกแหมบๆ ยังเป็นได้เลยนางแบบ คนอีสานเราก็เป็นได้แหละ

ขับรถมาพัทยาแค่ 150 กว่าโล เจอหมาโดนรถชนตายระหว่างทางรวมๆ เกือบ 20 ตัว ไม่รู้เสียงพลุทำให้ตกใจวิ่งมาถนนใหญ่ด้วยรึเปล่า เหมือนเทศกาลอื่นไม่เยอะขนาดนี้ เป็นการขับรถที่รู้สึกแย่มาก ไม่มองก็ไม่ได้ เป็นคนขับมันต้องมองรอบๆ ตลอดเวลา 😢

A: อยากสวยเหมือนมึง จะได้ยืนๆ เดินๆ ได้เงินง่ายๆ B: มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ส่วนที่ยากก็เยอะนะ 1 2 3 4 C: นี่คุณไม่ตระหนักใน P R I V I L E D G E ตัวเลยเหรอคะ ชีวิตนี้คงไม่เคยโดนแบบที่คนไม่สวยโดนสินะคะ เลยขาด E M P A T H Y ต่อคนอื่นขนาดนี้ อาชีพอื่นลำบากกว่านี้เยอะค่ะ ฉอดๆๆๆ ซ้ายสมองไหลทรง woke ประดับพอร์ตแบบนี้ ชีวิตจริงมันหักทุก value ที่พยายามโชว์บนเนตแน่

ศาสตร์วิชาที่อยู่ในมหาลัยมันกว้างขวางและลึกล้ำเกินกว่าจะสอนในห้องเรียนได้หมด ใช่ คุณจะคาดหวังให้อาจารย์สอนทุกอย่างให้คุณไม่ได้ ใช่ แต่อาจารย์ต้องมีหน้าที่สอนสิวะ จะสอนแบบนักถ่ายทอดที่ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย หรือเป็นนักจุดประกายทำให้ห้องเรียนเกิดการดิสคัส ช่วยตั้งคำถามและคอยดูแลแนะแนวเส้นทางไปสู่คำตอบ ก็สุดแล้วแต่คน แต่อาจารย์มีหน้าที่สอน เป็นหน้าที่หลัก ไม่ใช่งานเสริม

คนเป็นอาจารย์พูดมาได้ว่าอาจารย์ไม่มีหน้าที่สอน เรียนเยอะจนเพี้ยนมีอยู่จริง

ดูคอนเทนต์รีวิวรถทีไรรำคาญติ่งรถจีนมาก (รองลงมาคือเทสล่า) จะบ่นรถญี่ปุ่น/ยุโรปว่ากั๊กว่าแพงอะไรก็เอาเหอะ แต่อวยรถจีนว่าออฟชั่้นรถราคายุติธรรมนี่ฟังแล้วไส้จะปลิ้น มันขายรถราคานี้ได้ไม่ใช่เพราะมันเก่งหรือดีอะไร แต่มันทำรถมาสั่วระดับที่ว่ามันไม่น่ามี QC ตรวจชื่อแบรนด์ท้ายรถตัวเองด้วยซ้ำ + ได้รับการสนับสนุนทั้งจากรัฐจีนรัฐไทย + ขูดรีดแรงงาน มันเลยตั้งราคาแบบนี้กันได้

อ่านอิปโปมาร้อยกว่าเล่ม หมั่นไส้ริคาร์โดมาก แต่พอเผยสไตล์ชกแล้วชอบเฉย เจอนักชกแปลกประหลาดยังไงก็ใช้พื้นฐานมวยอย่างเดียว ไม่มีท่าไม้ตายพิศดาร ทำตามตำราทุกอย่าง แต่ถ้าทำได้ในระดับสูงสุดจะชนะแน่นอน

เจอช่องหนังในยูทูปตั้งชื่อรายการตัวเองว่า "roomโทรมหนัง" sense of humour & creatitivity แบบชายๆ มันวนเวียนอยู่กับเรื่องข่มขืนๆ นี่แหละ

บทเรียนเซียนหุ้นญี่ปุ่นนี่เนื้อหาน่าสนใจ แต่พอเห็นสำนวนแปลแล้ว ท่าทางจะเป็นอีกเล่มที่ทำให้มีทรอม่ากับหนังสือแปล non-fiction ในประเทศไทย 😭

Premise หนังสือแม่งท้าทายมาก โลกจะน่าอยู่นะถ้าคุณได้รู้จักคนอื่นอย่างลึกซึ้งจริงๆ รู้สึกมีตัวตน ไม่ถูกตัดสิน เหมารวม หรือจัดประเภทคนๆ นึงในทันทีที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาเพียงเล็กน้อย อ่านแล้วพยักหน้าหงึกๆ จนกระทั่งสมองสัตว์เลื้อยคลานกุตะโกนว่า แล้วนางแบกล่ะ สลิ่มล่ะ แอนตี้โว้คล่ะ ฯลฯ เท่านั้นแหละ ไอ้สาด กุจะจัดกลุ่มพวกมึง 🥺

”ไอ้การพยายามเนี่ย ใช่ว่าจะต้องพยายามอดทนตอนที่มีคนมาทำให้เจ็บทั้งร่างกายและจิตใจสักหน่อย แต่เป็นตอนที่ต้องพยายามเพื่อความฝันต่างหาก“ “โลกนี้มันกว้างใหญ่ โรงเรียนก็แค่ส่วนเล็กๆ ค่อยๆ ค้นหาไปก็ได้”

โพรเซสซิ่ง ปิ๊บๆ ปุ๊บๆ แซสทิสแฟคทอรี